Home |
Wheel of Fortune and Fantasy วงล้อแห่งโชคชะตาและฝันหวาน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในรอบปีที่ผ่านมา สปอตไลต์ได้ส่องไปที่วงการหนังญี่ปุ่นเป็นพิเศษ เพราะการร่ายมนตร์ในผลงานของผู้หนุ่มชาวญี่ปุ่นที่กำลังมาแรง อย่าง “ริวสุเกะ ฮามะกุชิ” ที่ส่งผลทำให้ “Drive My Car” ผลงานหนังดราม่าบาดจิตของเขาได้มุ่งตรงเข้าชิงรางวัลออสการ์ได้อย่างประสบความสำเร็จ แต่กระนั้น..รู้หรือไม่ว่า เขาก็ยังมีอีกหนึ่งผลงานที่ส่งออกฉายในปีเดียวกัน แม้ว่ากระแสจะเบากว่าแต่ความดีงามไม่ลดหลั่งเลย นั่นก็คือ “Wheel of Fortune and Fantasy” (วงล้อแห่งโชคชะตาและฝันหวาน) อีกหนึ่งผลงานโดดเด่นที่ผู้กำกับริวสุเกะ ในปี 2021 ที่ต้องยกนิ้วให้เช่นเดียวกัน รีวิวหนังออนไลน์
Drive My Car ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกันของ Haruki Murakami (อยู่ในหนังสือ Men Without Women ชายที่คนรักจากไป) ว่าด้วยความสัมพันธ์ของนักแสดงละครเวทีที่สูญเสียภรรยากับคนขับรถหญิง ฮามากูจิสร้างความเหวอกับผู้ชมด้วยการดัดแปลงเรื่องสั้นความยาวไม่ถึง 30 หน้าให้กลายเป็นหนังยาว 3 ชั่วโมง แต่ดูเหมือนทุกบทวิจารณ์จะเห็นไปในทางเดียวกันว่ามันเป็นความยาวที่คุ้มค่าแก่การชม (อนึ่ง มีค่ายหนังในบ้านเราซื้อ Drive My Car มาฉายแล้วเรียบร้อย)
ฮามากูจิสร้างชื่อด้วยหนังเรื่อง Happy Hour (2015) ที่มีความยาว 5 ชั่วโมง (!!) เล่าถึงกลุ่มเพื่อนสาววัยสามสิบ 4 คน โดยแต่ละคนล้วนมีปัญหาชีวิตเป็นของตัวเอง ความโดดเด่นของหนังคือเต็มไปด้วยฉากตัวละครพูดคุยกันอย่างยืดยาว และมีบางฉากที่ยาวนานเป็นพิเศษจนชวนงง เช่น ฉากนักเขียนอ่านหนังสือให้คนอ่านฟัง 20 นาที ดูหนัง
หรือฉากเวิร์กช็อปร่างกายที่กินความไป 30 นาที ยังไงก็ดี ความยาวเหล่านี้ไม่ใช่การทรมานผู้ชมด้วยความนิ่งช้า หากเต็มไปด้วยรายละเอียดงดงาม ทั้งเนื้อหา จังหวะของบทสนทนา การเคลื่อนไหว และภาษากายของนักแสดง
ผลงานของฮามากูจิที่หลายคนอาจรู้จักคือ Asako I & II (2018) เรื่องราวของหญิงสาวที่ชายคนรักหายตัวไป และ 2 ปีถัดมาเธอก็ได้พบกับผู้ชายที่หน้าตาเหมือนแฟนของเธอแต่กลับมีบุคลิกต่างไปสิ้นเชิง ส่วนตัวแล้วผู้เขียนอาจไม่ได้ประทับใจเรื่องนี้เท่ากับ Happy Hour แต่ก็ชอบความพิศวงที่ถ่ายทอดอย่างเรียบง่าย ไม่เน้นความหวือหวา ทว่าน่าเสียดายว่าข่าวชู้สาวระหว่างสองนักแสดงนำของเรื่องกลับแย่งซีนตัวหนังไปเสียหมด
ปี 2021 ดูเหมือนจะเป็นปีทองของฮามากูจิ นอกจากจะได้รางวัลที่คานส์แล้ว เมื่อต้นปีหนังเรื่อง Wheel of Fortune and Fantasy (2021) ก็คว้ารางวัลหมีเงิน Grand Jury Prize จากเทศกาลหนังเบอร์ลิน หนังเรื่องนี้ประกอบด้วยหนังสั้น 3 เรื่องด้วยกัน ข่าวดีคือความยาวของมันแค่ 121 นาที อยู่ในระดับหนังปกติทั่วไป ดูหนังออนไลน์
สำหรับผลงานอย่าง Wheel of Fortune and Fantasy ของ ริวสุเกะ ฮามะกุชิ อันที่จริงเป็นงานที่ออกสู่สายตาผู้ชมก่อนการมาของ Drive My Car เสียอีก เพราะหนังปฐมทัศน์ฉายครั้งแรกที่เทศกาลหนังเบอร์ลิน 2021 และตระเวนออกอีเวนท์ใหญ่ๆ ทั่วโลก ก่อนจะเลี้ยวกลับมาลงโรงฉายที่ญี่ปุ่นบ้านเกิดในช่วงก่อนจะส่งท้ายปีเก่าที่ผ่านมานี่เอง ด้วยการได้รับอานิสงส์ทรงพลังในตัวผู้กำกับด้วยนั้น
คงจะต้องบอกว่า Wheel of Fortune and Fantasy เป็นหนังที่มีความเป็นเฉพาะและความเป็นส่วนตัวในฉบับที่ ริวสุเกะ ฮามะกุชิ อยากจะถ่ายทอดออกมาจริงๆ เพราะนี่คือสิ่งที่เขากำกับและเขียนบทหนังขึ้นมาเอง ถ่ายทอดผ่านเรื่องราวความสัมพันธ์แปลกๆ ผ่านหนังสั้นทั้ง 3 เรื่อง ที่ร้อยเรียงเข้าเอาไว้ด้วยกันเป็นหนังเรื่องเดียว และต้องถือว่าในแต่ละเรื่องนั้นเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ มิติ และความคมคายของบทภาพยนตร์อย่างสูงทีเดียว
Wheel of Fortune and Fantasy มีชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า Guzen to sozo แปลความได้ว่า ‘ความบังเอิญและจินตนาการ’ ซึ่งหนังทั้ง 3 ตอนก็ล้วนเกาะเกี่ยวอยู่บนธีมนี้ และฮามากูจิเขียนบทด้วยตัวเองทุกตอน ตอนแรกมีชื่อว่า ‘MAGIC
(or something less assuring) ‘ เปิดฉากด้วยนางแบบสาวพูดคุยกับผู้ช่วยของเธออย่างยาวนานบนแท็กซี่ถึงแฟนหนุ่มคนใหม่ของผู้ช่วย ก่อนที่หนังจะพลิกไปเล่าถึงนางแบบสาวและการบุกไปคุยกับแฟนเก่า แน่นอนว่าต้องตามมาด้วยฉากสนทนายาวเฟื้อยตามสไตล์ฮามากูจิ แต่ท่ามกลางคำพูดที่หลั่งไหล เราสัมผัสได้ทั้งความขมขื่นและอบอุ่นใจ พร้อมกับคำถามว่าการตัดใจจากความสัมพันธ์ที่จบสิ้นไม่ได้ถือเป็นเวทมนตร์วิเศษหรือต้องคำสาปกันแน่
ประเดิมในตอนแรกที่มีชื่อว่า “Magic (or Something Less Assuring)” [เวทมนตร์ (หรือสิ่งที่มั่นใจได้น้อยกว่า)] ที่นับว่าเป็นการเปิดเรื่องด้วยเสน่ห์ความเป็นหนังของริวสุเกะโดยแท้ กับบทสนทนายาวๆ แบบลองเทคระหว่างโดยสารรถแท็กซี่ของ 2 ตัวละครหลัก ที่เล่าและเม้าท์ถึงความสัมพันธ์กับคนรักที่ค่อนข้างออกรสชาติอยู่ไม่น้อย แต่หนังก็หักมุมบิดไปมาได้อย่างสนุก กับบทหนังสั้นที่มาแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสนุก ดูหนัง 4k
โดยเฉพาะการแสดงของ “โคโตเนะ ฟูรุกาวะ” ที่ต้องยกนิ้วให้ เพราะเธอสามารถให้การแสดงออกมาที่สร้างความรู้สึกทั้งชอบและทั้งเกลียดได้ในเวลาเดียวกัน แม้ว่าสาวน้อยคนนี้จะเพิ่งมีประสบการณ์ทางการแสดงได้ไม่กี่ แต่ทักษะการแสดงของเธอคนนี้ทำให้คนดูต้องจับจ้องบนจออยู่ตลอดเวลา ทั้งสายตาและอินเนอร์ต่างๆ ที่เลือกหยิบขึ้นมาอธิบายตัวละคร ถือว่าเธอสอบผ่านมากๆ
ตามมาด้วยเรื่องถัดมากับ “Door Wide Open” [ประตูที่เปิดอยู่] เป็นตอนที่เล่าถึงความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างเซ็กซี่และวาบหวิว แต่ใช้องค์ประกอบของการพรรณาและโวหารเข้ามาช่วยบิ้วท์อารมณ์ให้เสียวซ่านได้อย่างน่าผิดหวัง นี่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งตอนที่บทภาพยนตร์ของริวสุเกะ ได้ทำหน้าที่คัดกรองและกลั่นเนื้อกับน้ำออกมาได้รสชาติที่เกือบจะครบเครื่อง
หนังสั้นตอนนี้สามารถถ่ายทอดมิติของตัวละครหลัก ทั้ง 3 ตัวออกมาได้อย่างคมคาย แบบไม่มีใครยอมใคร เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับบทที่ต้องใช้อินเนอร์และอารมณ์ใส่เข้าไปในการขับพลังออกมาด้วยแล้ว นักแสดงทั้งหมดถือว่าทำได้ค่อนข้างน่าประทับใจ กลายออกมาเป็นหนังสั้นอีโรติกที่ไม่มีฉากโป๊เปลือยใดๆ เลยด้วยซ้ำ กับสำนวนเชิงสังวาสที่เย้ายวนใจที่ยกระดับให้ตอนนี้กลายเป็นหนังสั้นที่มีกึ๋นเป็นอย่างยิ่ง
และปิดท้ายด้วยตอนสุดท้าย “Once Again” [อีกครั้ง] ที่น่าจะเป็นตอนที่รู้สึกชอบเป็นการส่วนตัวที่สุด เพราะเป็นตอนที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่กลับซับซ้อนและแฝงอารมณ์เอาไว้มากมาย ด้วยการทำหน้าที่ของ 2 ตัวละครหลักที่ถ่ายทอดออกมาได้น่าทึ่ง เรื่องราวของหญิงสาววัยกลางคนที่เดินสวนที่บันไดเลื่อนและต่างคุ้นหน้าคร่าตากันชอบกล ก่อนพวกเธอจะพบว่าเป็นเพื่อนกันเมื่อสมัยเรียนมัธยม และทำให้ความทรงจำในวันวานได้ย้อนกลับมาในชีวิตอีกครั้ง
เรื่องราวในตอนนี้คงจะบอกเล่าอะไรได้ไม่มาก เพราะเป็นตอนที่เสี่ยงกับการสปอยล์ค่อนข้างสูง แต่กระนั้นก็เป็นตอนที่ยังคงมีบทหนังที่คมคายและชูรสชาติได้เป็นดีอีกเช่นกัน โดยเฉพาะการสร้างมิติมให้กับคาแรกเตอร์นำที่ผู้หญิงทั้ง 2 คนนี้ “ฟูซาโกะ อูราเบะ” กับ “อาโอบะ คาวาอิ” จับมือกันประคับประคองหนังสั้นตอนนี้ออกมาได้เกือบจะสมบูรณ์แบบ เรียกว่าเป็นหนังสั้นที่เหนือความคาดหมาย และก็รู้สึกอบอุ่น-ประทับใจกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
เอาเป็นว่าโดยสรุปแล้ว Wheel of Fortune and Fantasy จะบอกว่าเป็นหนังแมสที่เหมาะกับทุกคนทั่วไปหรือไม่ ก็คิดว่าคงจะยังไม่ใช่ แต่ก็ไม่ใช่หนังอินดี้จ๋าๆ ที่ต้องมานั่งวิเคราะห์กันให้งงแต่อย่างใด เพราะหนังสั้นทั้ง 3 ตอนในเรื่องนี้
มีแกนหลักเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ในมนุษย์สิ้น ที่อาจจะเน้นย้ำไปถึงมิตรภาพ โชคชะตา และเพศสัมพันธ์ แต่ไม่ได้นำเสนอภาพออกมาในเชิงอนาจารเลยสักนิด นี่จึงเป็นพรสวรรค์อันน่าทึ่งของนักสร้างหนังที่ชื่อว่าริวสุเกะโดยแท้
และหากว่าใครที่ประทับใจกับ Drive My Car ของผู้กำกับรายนี้มาแล้ว ก็คงจะต้องบอกว่า Wheel of Fortune and Fantasy เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ยากจะให้พลาด เพราะเป็นอีกหนึ่งโปรเจกต์คุณภาพที่กลั่นกรองออกมาจากคนทำหนังฝีมือเยี่ยม แค่บทหนังที่แสนจะคมคามในทุกๆ ตอน ก็สามารถมัดใจผู้ชมได้ตายแบบฟินๆ คาโรงไปเรียบร้อยแล้ว
เดิมทีนั้น Wheel of Fortune and Fantasy เป็นโปรแกรมหนังที่อยู่ในเทศกาลหนังญี่ปุ่น 2022 ที่ผ่านมา แต่ล่าสุดทาง Documentary Club ผู้จัดจำหน่ายนำมาลงโรงฉายในรอบปกติแล้ว ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ห้ามพลาดเชียว ดูหนังออนไลน์ 4k