Home |
Blacklight โคตรระห่ำ ล้างบางนรก
เมื่อไหร่ที่เห็นหน้า เลียม นีสัน บนโปสเตอร์หนัง ร้อยทั้งร้อยต้องคาดเดาว่าเป็นหนังแอคชัน ซึ่งมันก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ เพราะมีน้อยครั้งมากที่ลุงเลียมจะหันไปเล่นหนังดราม่า หนังไซไฟ หรือหนังที่สร้างจากวรรณกรรมเยาวชน และเรื่องนี้ก็เช่นกัน ‘Blacklight’ ชื่อไทย ‘โคตรระห่ำ ล้างบางนรก’ มันเป็นหนังแอคชันทริลเลอร์ และครั้งนี้ลุงเลียมสวมบทบาทเป็นสายลับที่ทำงานให้กับเอฟบีไอ รีวิวหนังออนไลน์
หนังเรื่องกำกับโดย Mark Williams คนเดียวกับที่เคยกำกับ ‘Honest Thief’ และ ‘A Defintely Maybe’ ทั้งยังเป็นผู้สร้าง-ผู้เขียนบทของซีรีส์ ‘Ozark’ อีกด้วย แต่กับหนังเรื่องนี้ Nick May เป็นผู้เขียนบท จากโครงเรื่องที่ร่วมกันคิดขึ้นโดย Nick May, Mark Williams และ Brandon Reavis
BLACKLIGHT เป็นเรื่องราวของ ทราวิส บล็อก (เลียม นีสัน) เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ชีวิตทำงานที่ผ่านมาเขาต้องอยู่หลังเงามืด ไร้ตัวตน คอยช่วยเหลือเหล่าบรรดาสายลับที่ทำงานพลาดและกำลังถูกเปิดโปง จนกระทั่งวันหนึ่งเจ้าหน้าที่บล็อกกลับพบความลับบางอย่างที่เกี่ยวกับภารกิจที่มีตัวเขาเป็นตัวแปรสำคัญและกำลังส่งผลต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์ ระหว่างที่เขาสับสนต้องเลือกหน้าที่การงานหรือความถูกต้อง บล็อกพบว่าครอบครัวของเขาหายตัวไป และผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลับกลายเป็นหัวหน้าหน่วยงานที่เขาสังกัด
ต้องยอมรับว่าเลียม นีสัน (Liam Neeson) มาไกลจริง ๆ จากดาราที่เล่นแต่หนังชิงรางวัล ผันตัวมาสู่การเป็นแอ็กชันสตาร์วัยเก๋า หลังจากได้ลองลิ้มชิมลางบทนักบู๊วัยดึกจากภาพยนตร์เรื่อง Taken ก็ดูเหมือนว่า เขาจะติดใจจนกู่ไม่กลับ ฟาดงานแอ็กชันติดต่อกันแทบทุกปีจนเราเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะบู๊ไปถึงเมื่อไหร่
และปีนี้นีสันก็พร้อมจะกลับมาวาดลวดลายแอ็กชันกันอีกครั้ง ในบทเอฟบีไอวัยดึกที่ไม่หยุดระห่ำกับ BLACKLIGHT
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง BLACKLIGHT เป็นภาพยนตร์ที่แปะไว้เลยว่า นี่คือหนังขายฝีมือของเลียม นีสัน ซึ่งมันก็จริงอย่างที่ผู้สร้างเขากล่าวมานั่นแหละ เพราะนอกจากนีสันแล้วหนังเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรให้ขายแล้วล่ะ ดูหนัง
เริ่มที่ตัวละครเจ้าหน้าที่บล็อก โดยนีสันนำเสนอในบทคุณตาของหลานสาววัยกระเตาะและตำรวจใหญ่วัยไม้ใกล้ฝั่งในคนเดียวกันได้เป็นอย่างดี ตลอดทั้งเรื่องเราจะเห็นถึงความเจ็บปวดจากอดีตที่สร้างปมใหญ่ให้ตัวละครของเขาดูเป็นคนอมทุกข์ตลอดเวลา ทั้งสีหน้า แววตา ฉากแอ็กชัน นีสันก็เอาบทนี้ได้อยู่หมัด ซึ่งก็ถือว่าดีงามตามมาตรฐาน เพราะคาแรกเตอร์ในเรื่องนี้ก็ไม่ได้ต่างจากหนังแอ็กชันเรื่องอื่น ๆ ของเขาเท่าไหร่ เราจึงไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไรไปกับการแสดงของนีสันมากนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาช่วยแบกหนังไว้มากจริง ๆ
เมื่อมองทางด้านเนื้อหา ตอนต้นเรื่องหนังเปิดปมปริศนาได้อย่างน่าติดตามแถมยังมีซีนที่ได้โชว์ความเทพของเจ้าหน้าที่บล็อกให้เราได้ว้าวด้วย แต่ทว่าความว้าวก็มีแค่นั้นแหละ หลังจากนั้นหนังกลับลดขนาดตัวเองลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นละครหลังข่าวที่บังเอิญได้ทำเป็นหนังโรง เพียงแค่เปลี่ยนจากตอนย่อย ๆ มาเป็นซีเควนซ์ที่รวบรัดอัดมาในหนังเรื่องเดียว นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราไม่รู้สึกอินกับอะไรเลย จะดราม่าก็ไม่ผ่าน จะแอ็กชันก็ไม่สุด แถมจุดที่ควรให้น้ำหนักอย่างฉากย้อนความหลังที่เกี่ยวพันถึงปมใหญ่ในเรื่องนั้น หนังก็ดันเล่นง่ายโดยให้ตัวละครมานั่งเล่าทื่อ ๆ ซะงั้น ซึ่งเป็นอีกจุดที่เราค่อนข้างเสียดายเป็นอย่างมาก
ทั้งตัวอย่างและคำโปรยในโปสเตอร์ ต่างหลอกเราว่า BLACKLIGHT จะเป็นหนังแอ็กชันที่มันเต็มสูบ แต่ความจริงแล้วหนังกลับอุดมไปด้วยซีนที่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะใส่มาทำไม หาความสำคัญก็ไม่มี หาความระทึกก็ไม่เจอ แถมหนังยังบียอนด์ไปกว่านั้นด้วยการอุดมไปด้วยตัวละครที่โง่เขลา แม้แต่ตัวเอกอย่างเจ้าหน้าที่บล็อกผู้มีไหวพริบปฏิภาณก็ยังติดความเขลาจากตัวละครตัวอื่นมาด้วย ดูหนังออนไลน์
ซึ่งความเก่งกาจของผู้สร้างยังไม่จบแค่นั้น พวกเขาสามารถสร้างหนังแอ็กชันที่ให้อารมณ์แบนราบออกมาได้ ถึงขนาดที่ว่าจังหวะเร้าอารมณ์ของเพลงประกอบในฉากแอ็กชันก็ยังชวนเราง่วงจนเกือบจะหลับเลยล่ะ แต่อนิจจา ผู้ชมคนอื่น ๆ รอบตัวเราน่ะ หลับไปเรียบร้อยแล้ว
และที่เจ็บปวดกว่านั้นคือหนังทำให้เรารู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง ในขณะที่เราคิดว่าหนังกำลังจะปูเข้าสู่ไคลแมกซ์ที่จะทำให้เราหายง่วงได้ หนังกลับหักมุมโดยให้ปมทุกอย่างถูกคลี่คลายง่าย ๆ และไม่มีไคล์แมกซ์ซะงั้น
ความดีงามของเรื่องนี้อาจมีเพียงแค่เลียม นีสันบังเอิญเผลอตัวมาเล่น และงานภาพที่สวยงามจนอยากออกปากชม โดยซีนภาพกว้างนั้นถ่ายได้สวยเหมือนกับงานมิวสิกวิดีโอ จนรู้ได้ทันทีว่าผู้กำกับภาพของเรื่องนี้บรรจงจัดวางมุมกล้องอย่างดี ซึ่งทำให้เรายังพอเพลิดเพลินไปกับงานภาพของหนังได้
เอาเข้าจริงๆ หนังเรื่องนี้ อุดมไปด้วยวัตถุดิบที่น่าสนใจหลายอย่างเลยนะครับ เริ่มกันที่ฉากการหาเสียงของผู้สมัครคนหนึ่งที่ตีประเด็นเรื่องการทำงานของรัฐ อันนี้ก็น่าสนใจ แต่ก็น่าเสียดายทุกอย่างผ่านไปหลังการตายของเธอ เพราะหนังไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอพูด แต่สนใจประเด็นเรื่องการตายของเธอเสียมากกว่า
อีกประเด็น คือ ความคิดอ่านของทราวิส สายลับผู้ทำงานในเงามืดที่ตอนนี้กลายเป็นคุณตาไปเสียแล้ว เขารู้สึกผิดกับการที่ไม่ได้เป็นพ่อที่ดีของลูก และมันคงถึงเวลาเสียทีที่เขาจะกลับไปทำหน้าที่พ่อและตา พล็อตดราม่าที่น่าจะหยิบมาบอกเล่า เบี่ยงประเด็นไปจากความเป็นหนังแอคชันทริลเลอร์ที่เกร่อโลกนี้ แต่พวกเขาก็มิได้นำพา สนใจเล่าเรื่องที่ว่า ชายผู้นี้ต้องการวางมือออกจากวงการ ดูหนัง 4k
เริ่มต้นหนังเล่าถึงตัวอย่างชีวิตการทำงานของตัวละครนำอย่างทราวิส ก่อนที่เขาจะรู้สึกว่าเริ่มจะแก่เกินแกงสำหรับงานแบบนี้เสียแล้ว และเมื่อนำเรื่องนี้ไปบอกเจ้านายก็กลับได้รับคำปฏิเสธมา เมื่อตัวละครนำล่วงรู้ว่าแท้จริง องค์กรนี้ไม่ได้สวยงามอย่างภาพลักษณ์ที่ควรจะเป็น ภายในมีภารกิจ/โครงการลับที่ไม่สมควรมีอยู่ ทั้งยังพบอีกว่า การประกาศวางมือของตนส่งผลให้ครอบครัวของเขาต้องกลายเป็นตัวประกัน
หลังจากนั้น ดูเหมือนหนังจะไม่ค่อยเดินไปไหน ฉากแอคชันที่ควรจะเป็นจุดขายของหนัง ก็เปิดตัวอย่างเฉยชา ดนตรีประกอบที่ดูจะไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ในแต่ละตอน ทั้งยังอยู่ในอารมณ์เดียวกันเกือบตลอด ตรงนี้ใครไม่หาวก็คงแปลกเต็มที
หนังพยายามใส่คาแรกเตอร์ความเป็นคนระเบียบจัดของตัวละครทราวิส และเหมือนจะพยายามให้เขาดูมีปัญหาทางจิต งานภาพเลยมี ‘ช็อตภาพกระตุก’ แทรกอยู่ในหนังแทบทั้งเรื่อง จนนั่งดูก็ขำกันเองว่าจะใช้ไปเพื่ออะไร ถ้าจะบอกว่าตัวละครมีปัญหาก็น่าจะใช้แค่บางช่วงที่ต้องการเล่าถึงบุคลิกของตัวละครนั้นๆ นี่โผล่กระจายเต็มเรื่อง จนเหมือนคนดูเองที่เป็นคนมีปัญหา
พล็อตของสายลับที่เปิดโปงเอาคืนต่อองค์กรของตนนั้นก็มีการสร้างกันอยู่มากมาย จนไม่มีอะไรจะใหม่หรือน่าสนใจในสายตาคนดูอีกแล้ว และเหมือน เลียม นีสัน จะหางานแนวอื่นของตัวไม่เจอ จึงเฝ้าวนเวียนอยู่กับเส้นทางเดิมๆ ที่บางครั้งก็ได้บท/ผู้กำกับ/การตัดต่อ ที่ดีบ้าง แย่บ้าง ทำให้ผู้ชมไม่เจออะไรที่แปลกใหม่จากผู้ชายคนนี้อีกเลย นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องเศร้าเช่นกัน
จากเนื้อเรื่องก็จะเห็นได้ว่าเรื่องราวไม่ได้แปลกใหม่อะไร กับเรื่องราวของสายลับจะวางมือพร้อมกับเปิดโปงความลับอันดำมืดขององค์กร เราเห็นหนังแนวนี้มาเป็นร้อยเรื่อง ทางด้านเนื้อเรื่องมันจึงไม่ได้สร้างความสนุกหรือตื่นเต้นให้กับคนดูแต่อย่างใด แทบจะไม่เดินหน้าไปไหนเลยด้วยซ้ำ ดูหนังออนไลน์ 4k
หนังพยายามใส่มิติให้มากขึ้นด้วยการเพิ่มเรื่องราวของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่โดนฆ่า แต่มันก็แค่นั้นไม่ได้หยิบยกประเด็นการขุดคุ้ยอะไรมากกว่านี้ มีตัวละครนักข่าวมาให้เหมือนจะมีอะไรสักหน่อยคอยขุดคุ้ยเรื่องของรัฐบาล แต่เหมือนกลับกลายเป็นว่าใส่ตัวละครนี้มาเพื่อให้ป๋าเลียมพูดคุยด้วยเฉย ๆ
ตามมาด้วยประเด็นปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวละครของป๋าเลียมที่บอกมีปัญหาทางจิต เจ้าระเบียบ ย้ำคิดย้ำทำ เราเห็นอาการแบบนั้นของตัวละครนี้มาตลอดทั้งเรื่อง แต่เหมือหลายจุดหนังจะลืมไปว่าตัวละครมีอาการนี้ และไม่ได้หยิบยกมันมาเป็นปัญหาในการดำเนินเรื่องสักเท่าไหร่เลย ยิ่งในฉากแอ็คชันเรียกได้ว่าหายไปเลย ไม่รู้จะปูมาทำไม เหมือนไม่ได้สำคัญต่อการดำเนินเรื่องด้วยซ้ำ แถมบทจะจบก็จบง่าย ๆ ดื้อ ๆ ซะงั้น
ซึ่งเอาจริง ๆ แต่ละตัวละครก็ดูไม่มีเสน่ห์เอาซะเลย ไม่ว่าจะฝั่งดี ฝั่งร้าย หรือแม้กระทั่งตัวเอกของป๋าเลียมก็ดูแล้วไม่ได้อยากเอาใจช่วย แต่ดูแล้วสงสาร เหนื่อยแทน เอาลุงอายุจะ 70 มาแอ็คชันมันก็จะออกมาเนือย ๆ แบบนี้แหละ ฉากวิ่งไล่เลิกพูดไปได้เลย แค่เตะต่อยได้ไม่กี่วิก็บุญแล้ว
สำหรับแฟน ‘ป๋าเลียม’ หรือผู้ชมที่อยากลองดู ก็ให้คิดซะว่า BLACKLIGHT เป็นหนังที่นำเสนอแบบภาพยนตรฺแอ็กชันยุค 80s ก็ถือว่าไม่เลวนะ เพราะหนังมีองค์ประกอบที่ค่อนข้างเหมาะ ทั้งพระเอกวัยดึกที่เตรียมจะวางมือ ตัวโกงสุดเก๋าที่รู้จักตัวเอกเป็นอย่างดี รวมทั้งตัวประกอบที่ทำให้เราแอบตลกในความโง่เขลา จนชวนให้แอบขำเบา ๆ ที่บทแบบนี้ยังมีในปี 2022 ได้
จริง ๆ หนังค่อนข้างน่าเสียดายในแง่ของภาพรวม ทั้งตอนต้นที่เปิดออกมายิ่งใหญ่ แต่กลับเบาลงไปจนถึงช่วงท้ายที่แผ่วซะเหมือนถูกตัดจบ อีกทั้งบทภาพยนตร์ก็ไม่มีความน่าติดตาม การนำเสนอในแต่ละซีนดูทื่อ ซะจนเหมือนหนังเกรด B ที่มีเลียม นีสันแปะป้ายอย่างไรอย่างนั้น
แต่หากจะมองอีกแง่ หนังเรื่องนี้อาจจัดอยู่ในหมวดหนังคัลต์ชั้นครูเลยก็ได้ ทั้งบทบาทที่ชวนเราขำโดยไม่ตั้งใจ หรือแอ็กติงที่แข็งเป็นไม้ รวมทั้งฉากแอ็กชันที่ชวนหาวอยู่เรื่อยไป ซึ่งถ้าผู้สร้างต้องการทำหนังทดลองในหัวข้อ ‘ทำหนังแอ็กชันอย่างไรให้คนดูหลับ’ ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้วล่ะ
Blacklight เป็นหนังที่ไม่สนุกและไม่น่าประทับใจเอาซะเลย แอ็คชันก็ไม่ดี บทก็ไม่ได้ เห็นการแสดงของป๋าเลียมแล้วรู้สึกเหนื่อยแทนจริง ๆ นะ ดูป๋าแกไม่ไหวแล้วจริง ๆ ใครหวังจะได้เห็นฉากแอ็คชันมันส์ ๆ คงต้องผิดหวังสักหน่อย สิ่งเดียวที่น่าชื่นชมคือความน่ารักเวลาเล่นกับหลานนี่แหละ อยากให้ป๋าลองเปลี่ยนแนวไปเป็นหนังดราม่าคอยดูแลหลานหรือหนังคอเมดี้แบบฮา ๆ ตลกหน้าตาย น่าจะฮาไม่ใช่น้อย ไม่ต้องเหนื่อยมากด้วย
น่าเสียดายอยู่พอสมควรที่ Mark Williams ทำหนัง ‘Honest Thief’ ไว้ได้ค่อนข้างสนุก แต่กลับมือตกไปอย่างสิ้นเชิงกับหนังเรื่องนี้ เรื่องราวในหนังค่อนข้างเดินไปอย่างน่าเบื่อ หนังแทบจะไม่เดินไปไหนอยู่ช่วงหนึ่ง อาจสร้างความง่วงงุนให้กับผู้ชมส่วนใหญ่ กว่าที่จะเริ่มมองเห็นวี่แววความมันจากฉากแอคชันก็ใกล้จะจบเรื่องแล้ว กระนั้นฉากแอคชันที่มีก็กลับดูจืดชืด ไร้ความันอย่างที่หวัง แถมหนังยังจบแบบห้วนๆ ชวนอึ้งว่า นี่เขาจบแบบนี้เลยเรอะ