Wonder ชีวิตมหัศจรรย์วันเดอร์
หนึ่งในหนังประเภทฟีลกู้ดสำหรับดูช่วงที่ครอบครัวได้อยู่ด้วยกันในช่วงปลายปีชัดเจน รีวิวNetflix ตั้งแต่สร้างมาจาก นิยายขายดีของนิวยอร์กไทม์ โดยนักเขียน อาร์.เจ. ปาลาซิโอ ได้ดารานำระดับล่ารางวัลมาร่วมทีมทั้งตัวนำอย่าง เจคอบ เทรมบ์เลย์ หนังฟรี นักแสดงเด็กที่น่าจับตามองที่สุดในรอบหลายปีจากเรื่อง Room (2015) และเหล่าดาราแม่เหล็กที่ไม่เห็นในหนังแนวครอบครัวฟีลกู้ดมานานมากแล้วอย่าง ดูหนังออนไลน์ จูเลีย โรเบิร์ตส์ และ โอเว่น วิลสัน ซึ่งรับประกันฝีมือดราม่าน่ารัก ๆ อยู่แล้ว ด้านผู้กำกับและเขียนบทก็ได้ สตีเฟน ชฺบอสกี ที่มีผลงานกำกับจากหนังวัยรุ่นจี๊ดใจเรื่อง ดูหนังออนไลน์ The Perks of Being a Wallflower (2015) และเขียนบทจากเรื่อง Beauty and the Beast (2017) มาคุมทิศทาง ดูจากหน้าหนังบวกทีมเบื้องหน้าเบื้องหลัง ก็ยอมใจให้เป็นหนังดราม่าฟีลกู้ดน่าดูที่สุด
Wonder มีนิยายฉบับแปลไทยในชื่อ ชีวิตมหัศจรรย์ของออร์กัสต์ โดย สำนักพิมพ์แพรวเยาวชน เล่าเรื่องของ ออร์กี้ หรือ ออร์กัสต์ พูลแมน เด็กชายที่เกิดมาพร้อมความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ทำให้ใบหน้าเขาดูน่าหวาดกลัวสำหรับคนอื่น ๆ แต่นอกจากนั้นออร์กี้ก็คือเด็กธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ชอบสตาร์วอร์ส รักหมา และชอบวิชาวิทยาศาสตร์ เขาถูกปกป้องจากพ่อแม่มาตลอดจนวันหนึ่งที่เขาต้องเลิกเรียนเองที่บ้านและออกไปเรียนร่วมกับเด็ก ๆ คนอื่นที่โรงเรียน นั่นจึงเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นที่แตกต่างกับตัวเอง ทั้งกับตัวออร์กี้เอง กับพ่อแม่ของเขา และรวมถึงทุกคนที่ได้เข้ามาสัมผัสเรื่องราวของออร์กี้ โดยผู้เขียนได้เล่าผ่านมุมมองของแต่ละคนที่ทำให้เห็นเรื่องราวสองด้านสุดแสนประทับใจ และเรียกน้ำตาจากผู้อ่านมานับไม่ถ้วน
สำหรับในฉบับหนังเอง ก็ถ่ายทอดวิธีการเล่าออกมาได้สวยมากครับ ทั้งการแบ่งพาร์ทเล่าแต่ละมุมมองของหลากตัวละครที่รอบตัวออร์กี้ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของออร์กี้ที่เป็นมุมมองหลักเคียงข้างไปกับออร์กี้ พี่สาวของออร์กี้ที่ต้องเสียสละความสนใจของพ่อแม่ไปให้น้องชาย และเหล่าเพื่อน ๆ ของออร์กี้ที่มีมุมมองต่อออร์กี้แตกต่างกันไป
เดิมทีเรื่องนี้ตัวนิยายเองก็มีพลังมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดยปาลาซิโอได้เริ่มเขียนขึ้นหลังจากวันหนึ่งเธอได้พาลูกของเธอวัย 3 เดือนเศษออกไปข้างนอก และได้พบกับเด็กที่มีอาการของโรค เทรชเชอร์ คอลลินส์ (Treacher Collins syndrome) ซึ่งเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมตั้งแต่กำเนิดที่ทำให้ใบหน้าและขากรรไกรล่างเติบโตผิดรูป เมื่อลูกของเธอเห็นเด็กคนนั้นก็เกิดกลัวร้องไห้ออกมา ทำให้เธอต้องรีบพาเดินออกจากจุดนั้นเพราะไม่อยากให้ตัวเด็กที่เป็นโรคดังกล่าวรู้สึกไม่ดี
จากเหตุการณ์วันนั้นทำให้เธอไคร่ครวญถึงชะตากรรมของเด็กเหล่านี้ ที่มีโอกาสเกิดสูงถึง 1 ใน 50,000 ราย และมันทำให้เธอนึกถึงเนื้อเพลง Wonder ของ นาตาลี เมอร์แชนท์ ที่พูดถึงเหล่าเด็กที่เกิดมาผิดปกติว่าเป็น สิ่งมหัศจรรย์ที่พระเจ้าสร้างสรรค์ขึ้น จึงเป็นที่มาของชื่อหนังสือเล่มนี้ของเธอ และถูกนำมาใส่ในตัวหนังด้วย โดยดัดแปลงเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่เพื่อนคนหนึ่งของออร์กี้เคยได้พบออร์กี้ก่อนจะมารู้จักกัน
เด็กชายคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาในแบบที่ไม่เหมือนคนอื่น ความผิดปกติของยีนบางอย่างทำให้เขาต้องได้รับการผ่าตัดหลายครั้ง กว่าที่จะกลายเด็กผู้มีอาการครบเหมือนเด็กทั่วไป ทว่าศัลยกรรมกลับทำได้เพียงเท่านั้น เขายังคงมีใบหน้าที่ดูอัปลักษณ์ในสายตาคนทั่วไป
ออกัส พูลแมน หรือชื่อเล่น อ๊อกกี้ (Jacob Tremblay) ไม่เคยย่างกรายออกจากบ้าน เติบโตมากับ เนต (Owen Wilson) พ่อที่คอยสร้างอารมณ์ขันให้กับเขาได้ตลอดเวลา อิซาเบล (Julia Roberts) แม่ผู้ฉลาดปราดเปรื่องผู้ทิ้งหน้าที่การงานมารับหน้าที่สอนลูกและดูแลเขาตลอด 24 ชั่วโมง และเวีย (Izabela Vidovic) พี่สาวที่รักและดูแลเขาอย่างดี
แต่เมื่อถึงวันหนึ่ง ครอบครัวเริ่มคิดได้ว่า มันคงถึงเวลาแล้วที่อ๊อกกี้จะต้องออกมาเจอผู้คน โลกใบเดิมที่กว้างกว่า เริ่มต้นที่โรงเรียน ที่ที่อ๊อกกี้หวั่นกลัวมาตลอด เขาจะต้องปรับตัวอย่างหนักเพื่ออยู่ร่วมกับเด็กที่เขามองว่าหน้าตาปกติ และมองว่าเขาเป็นตัวประหลาด
รวมทั้งเขาจะปรับหัวใจตัวเองให้แข็งแรงเพื่อที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่นให้ได้แม้ว่าเขาจะหน้าตาเป็นแบบนั้น
ออกัสต์ พูลล์แมน (แสดงโดย เจค็อบ เทรมเบลย์) เป็นเด็กชาย ป. 5 ที่มีแขน ขา และหัวใจ ที่ฝันอยากเป็นนักอวกาศออกไปสำรวจรอบโลก แต่เขากลับต้องติดอยู่ในบ้านเพื่อเรียนโฮมสคูลเพราะใบหน้าของเขาแตกต่างจากคนอื่น ใช่แล้ว เขาเป็นตัวประหลาด (Freak) และเขารู้ตัวดี ทุกสายตาที่เหลือบมองมาและเบือนหนีไปในเสี้ยววินาที คำถามเกี่ยวกับหน้าตาที่เหมือนสร้างมาเพื่อให้เขารู้สึกแปลกแยก เด็กๆ ที่ร้องไห้เมื่อเห็นเขา หรือกระทั่งพ่อแม่ที่ปฏิบัติกับเขาอย่างพิเศษต่างกับเด็กคนอื่นๆ จนอดคิดไม่ได้ว่าคนที่มองเขาว่าเป็นปกติมีเพียงแค่เดซี่ หมาของเขาเอง
เรื่องราวเริ่มยากลำบากขึ้นเมื่อเขาต้องเข้าโรงเรียนครั้งแรก แน่นอนว่าทุกสายตาจับจ้องมาที่เขา ไม่ใช่สายตาแห่งความชื่นชม แต่เป็นสายตาแห่งความรู้สึกที่ต่างกันไป จนกระทั่งเขารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นตัวประหลาด ร่างสุดยอดไปในที่สุด
เกริ่นมายาวเพื่อบอกว่า นี่คือหนังที่เกิดขึ้นด้วยแรงบันดาลใจมหัศจรรย์มาก ๆ และมันก็ก่อให้เกิดหนังที่ให้กำลังใจ และพลังใจกับเราได้วิเศษมาก ๆ ไม่แพ้กันเลยครับ วันที่ท้อแท้วันที่ีู้สึกไม่มีพลัง หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาดูคิดว่าคงมองโลกได้สวยงามขึ้นมากทีเดียว ทั้งมุกที่มากมายให้อมยิ้มไปกับความน่ารักของเด็ก ๆ และเหล่าพ่อแม่ หรือแม้แต่คุณครู ที่ไม่เพียงสร้างความสุขยังทิ้งคำพูดสอนใจดี ๆ ไว้ให้มากเลยทีเดียว เช่นว่า “เพราะเป็นแม่ที่แคร์ลูกที่สุดไง คำพูดของแม่ที่มีต่อลูกจึงสำคัญที่สุด มากกว่าคำพูดของคนอื่น” “ถ้าวันหนึ่งต้องเลือกระหว่างความถูกต้อง และความกรุณา จงเลือกความกรุณา” “แค่ทำตัวเป็นเพื่อนมันไม่พอหรอกนะ เธอต้องเป็นเพื่อนจริง ๆ ด้วย” อันนี้ผมแปลหยาบ ๆ นะ แต่ในตัวหนังแปลซับได้ดีกว่านี้อีกอยากให้ลองไปชมเอง
‘มหัศจรรย์’ และ ‘ประหลาด’ ทั้งสองคำเป็นคำที่ใช้อธิบายสัตว์ สิ่งของ และคนที่ไม่ธรรมดา แต่เห็นความต่างในความเหมือนนั่นไหม? เราไม่เคยใช้คำว่าประหลาดกับคนที่เราชื่นชมและหวงแหน หรือคนที่เรามองว่า ‘มหัศจรรย์’ แต่เราจะคอยหยิบยื่นคำว่า ‘ประหลาด’ ให้กับคนที่เราไม่ยอมรับในความต่างของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดหรือตัวประหลาดก็ล้วนเป็นคำที่ถูกใช้เพื่อสะท้อนถึง ‘สัตว์ประหลาด’ ในตัวเราเองทั้งนั้น
Stephen Chbosky ผู้กำกับที่เคยพาเราเข้านั่งอยู่ในหัวใจของคนซอกหลืบสังคม จากภาพยนตร์เรื่อง The Perks of Being a Wallflower ที่ตรึงใจผู้ชมได้หลายล้านคนทั่วโลก เขากลับมาอีกครั้งเพื่อสอนบทเรียนใหม่ให้เรา นั่นก็คือผลจากการที่เราแบ่งแยกคน ‘ประหลาด’ ออกจากคนมหัศจรรย์ในภาพยนตร์เรื่อง Wonder ที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมเยาวชนชื่อเดียวกันของ R.J. Palacio
สิ่งที่น่าสนใจของ Wonder ในฉบับภาพยนตร์เรื่องนี้ คือการฉายให้เห็นมุมมองของตัวละครแต่ละตัว บางคนอาจมีปมแผลในใจและต้องการปกป้องตัวเองด้วยการปฏิบัติกับออกัสต์อย่าง ‘ตัวประหลาด’ บางคนทั้งรักและท้อกับสิ่งที่ออกัสต์เป็นในเวลาเดียวกัน บางคนต้องเสียสละเพื่อให้ออกัสต์มีความสุขจนต้องเขวี้ยงความสุขของตัวเองทิ้ง ถึงแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเกิดในเวลาเดียวกัน แต่ผู้กำกับสตีเฟ่นก็กำลังสอนให้เรารู้ว่า อย่าได้ตัดสินคนอื่นเหมือนที่ตัวละครหลายตัวในเรื่องทำ และอย่าได้ด่วนสรุปจนกว่าจะรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังทั้งหมด เรื่องเล่าเดียวกันจากต่างมุมมอง อาจกลายเป็นคนละเรื่องไปเลยก็ได้ คนยิ้มอาจต้องแอบร้องไห้ คนเศร้าอาจต้องแอบหัวเราะ เด็กอาจต้องแกล้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่เพื่อแบกรับความรู้สึกคนอื่นไว้บนบ่าตัวเอง
ความน่ารักอีกอย่างคือการที่สตีเฟ่นเล่นกับความคิดและความฝันของออกัสต์ได้อย่างลงตัว ภาพเด็กชายใส่ชุดอวกาศจะแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของแต่ละช่วงหนัง เราจะได้เห็นนักบินอวกาศวิ่งกระโดดโลดเต้นเมื่อมีความสุข คอตกเมื่อเศร้า และยังมีตัวละครจาก Star Wars หนังโปรดตลอดกาลของออกัสต์มาร่วมแจมด้วย จะเป็นตัวอะไรบ้างนั้นลองไปลุ้นกันเองในโรงภาพยนตร์นะ
สิ่งสำคัญที่สุดที่เราได้เรียนรู้จากหนังเรื่องนี้คือ คนมหัศจรรย์มักมีความประหลาดซ่อนอยู่ และคนประหลาดมักมีความมหัศจรรย์ซ่อนอยู่เสมอ ด้วยความทับซ้อนกันนี้ การที่เราตัดสินว่าคนๆ นี้ ‘มหัศจรรย์’ หรือ ‘ประหลาด’ ไปแล้ว ก็เหมือนเรากำลังปิดตาตัวเองข้างหนึ่ง มองไม่ชัดและไปได้ไม่ไกล เพราะเราเลือกที่จะทิ้งมุมมองอีกมุมหนึ่งไว้ข้างหลัง แล้วเดินหน้าต่อไปกับคำตัดสินนั้นจนเราอาจพลาดความอัศจรรย์ธรรมดาในชีวิตของใครหลายคน หลงลืมหลายๆ เรื่องที่เราเรียนรู้ได้ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน พลาดการทำความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจ พลาดที่จะเห็นความ ‘มหัศจรรย์’ หรือบางครั้งเราเรียกว่า ‘ประหลาด’ ที่คอยส่องแสงประกายในทุกที่ที่คนเหล่านี้ไปถึง
“You can’t blend in, when you were born to stand out”
เธอทำตัวกลมกลืนกับคนอื่นไม่ได้หรอก เพราะเธอเกิดมาเพื่อโดดเด่น
ด้วยรักถึง ออกัสต์ พูลล์แมน