Home |
Hurts Like Hell เจ็บเจียนตาย
ปกติแล้วเวลาเราพูดถึงมวยไทยในปัจจุบันที่ถูกเล่าผ่านสื่อ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือซีรีส์ หนังฟรี ถ้าไม่เป็นการหยิบเอาแม่ไม้มวยไทยไปใช้เป็นอาวุธป้องกันตัว รีวิวหนังไทย หรือปกบ้านป้องเมือง ก็มักจะเป็นการเล่าถึงชีวิตของนักมวยไทยที่ต้องออกหมัด ดูหนังฟรี ฟาดแข้งเพื่อเอาตัวรอด และเป็นเครื่องมือทำมาหากินที่แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไร แค่ต้องยอมอุทิศร่างกายและจิตใจเข้าแลกเท่านั้น
แต่กับ หนังฟรี ‘Hurts Like Hell’ หรือ ‘เจ็บเจียนตาย’ ซีรีส์ Original ของ Netflix ประเทศไทย ดูหนัง กลับเป็นลิมิเต็ดซีรีส์ 4 ตอนถ้วนที่หยิบเอาเบื้องลึกเบื้องหลัง หนังใหม่ มุมมืดและมุมสว่างของวงการมวยไทยในปัจจุบันมาแหกแผลให้เห็นกันจะ ๆ ดูหนังออนไลน์
ผ่านการเล่าเรื่องแบบซีรีส์กึ่งสารคดี ดูหนังฟรี ที่มีทั้งเส้นเรื่องที่ได้แรงบันดาลใจจากวงการมวยไทย ประกบคู่กับเสียงสัมภาษณ์คนในวงการมวยตัวจริง ทั้งนักมวย ดูหนัง เซียนมวย นักพากย์ นักวิจารณ์ โปรโมเตอร์ เทรนเนอร์ เจ้าของค่ายมวย แพทย์สนามมวย ฯลฯ ที่ค่อย ๆ เล่าเรื่องเบื้องหลังทุกด้านทุกมุมของวงการมวยไทย ผ่านการเล่าเรื่องแบบสารคดีไปพร้อมกัน ดูหนังออนไลน์
หนังกึ่งสารคดีที่มีความยาว 4 ตอน ตอนละ 50 นาทีถึง 1 ชั่วโมง รับชมได้แล้วทางช่อง Netflix กำกับโดยนายกิตติชัย วรรณประเสริฐ ถ่ายแบบเป็นหนัง กับการแทรกการอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวงการมวย เหมือนกับสารคดี และสัมภาษณ์นักแสดงหลักในเรื่องไปด้วยที่พ่วงกับวงการมวยคือวงการมาเฟียของคนที่เข้าไปเล่นการพนัน คล้ายๆกับวงการแมงเม่าที่เข้าไปนั่งดูเวทีมวยเพื่อหวังรวยและหวังลุ้นว่าเบอร์ไหนจะชนะโดยมีเสี่ยหรือเฮียคุมอยู่เบื้องหลังการต่อยมวย
ตอนแรกเล่าเรื่องของภัทรที่ชอบเล่นพนันมวยมาก จนวันหนึ่งเขามีความลำบากทางการเงินจึงเดินเข้าวงการมวยในฐานะของนักพนัน ที่เรียกตัวเองว่าเซียนวงการมวย
ตอนที่สองเล่าเรื่องของวิรัตน์ กรรมการคุมเวทีที่ได้เงินจากการดึงกลุ่มคนกลุ่มใหม่ๆเข้ามาในวงการมวย และแอบดีลลับกับเสี่ยใหญ่ที่คุมอยู่เบื้องหลัง
ตอนที่สาม เล่าเรื่องของภู เสี่ยใหญ่ที่ทุกคนมองว่าเป็นเซียนมวยใหญ่ มีคอนแนคชันมาก มีอำนาจมาก
ตอนที่สี่เล่าเรื่องถึงครูต้อย เจ้าของค่ายมวยที่ทำหน้าที่เทรนให้กับนักมวยรุ่นเยาว์ และภู นักมวยเด็กที่มีนิสัยชอบเอาชนะและมีความทะเยอทะยาน
หนังกึ่งสารคดีเรื่องนี้มีความเป็น Masculinity สูง และทำให้เราได้ความรู้เรื่องเบื้องหลังวงการมวยเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งการทำสัญญาณมือ การมีเซียนมวยตัวใหญ่ ตัวเล็ก การพนันด้วยการใช้ศัพท์ต่างๆในวงการมวย อย่าง เบอร์ แทง ฯลฯ เนื้อหาของหนังกึ่งสารคดีเรื่องนี้อาจจะไม่เหมาะกับกับเด็กเพราะมีเนื้อหาที่รุนแรง มีการใช้คำหยาบ และมีมุมที่พีคจัดๆอยู่นะในสายตาของผู้เขียน จากที่ดำเนินเรื่องมาเรื่อยๆที่ว่าดาร์กแล้ว แต่ตอนจบกลับดาร์กกว่า ก็ถือว่าน่ากลัวมากๆนะกับวงการมวย ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเรื่อง Hurt Like Hell หรือเจ็บเจียนตายเรื่องนี้
ซีรีส์กึ่งสารคดี ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในวงการมวยไทย แค่รับแรงบันดาลใจนะ แต่เขานำมาดัดแปลงและเขียนเป็นบทขึ้นมาใหม่ จะเป็นเรื่องราวของการพนันในวงการมวย รวมถึงกลโกงต่างๆ
ที่เคยเกิดขึ้นในวงการมวย ทั้งการที่นักมวยโดนจ้างล้มมวย การวางยานักมวย กรรมการโกง หรือแม้แต่อุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้นระหว่างการชก ทุกอย่างถูกนำมาดัดแปลงและโยงหากันให้กลายเป็นซีรีส์เรื่องเดียวกัน พร้อมกับมีการนำคนในวงการมวย มานั่งอธิบายและเสนอมุมมองของแต่ละคนต่อเหตุการณ์ต่างๆ นำแสดงโดย ณัฏฐ์ กิจจริต, วิทยา ปานศรีงาม, นพชัย ชัยนาม, ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ และ ภูริภัทร พูลสุข เรื่องราวด้านมืดของวงการมวยไทยจะเป็นอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Hurts Like Hell (เจ็บเจียนตาย) มีทั้งหมด 4 ตอน
ตัวเนื้อเรื่องพาร์ตซีรีส์ก็จะเล่าเรื่องมุมมืดของวงการมวยไทย ผ่าน 2 เส้นเรื่องใหญ่ ๆ ที่จริง ๆ แล้วมันบรรจบอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่เล่าผ่านสายตาของตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในการแข่งขันมวย ตั้งแต่เรื่องราวของการพนันมวยใน 2 อีพีแรก ผ่านตัวละคร ‘พัด-เซียนมวย’ (ณัฏฐ์ กิจจริต) ‘คม-เซียนมวยรุ่นใหญ่’ (ธเนศ วรากุลนุเคราะห์) และ ‘วิรัตน์-กรรมการเวทีมวย’ (วิทยา ปานศรีงาม) ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการพนันมวย เงินทอง กลโกง และอิทธิพลมืด
ส่วนอีกเส้นเรื่อง จะเล่าเรื่องราวผ่านชีวิตของนักมวยไทย ผ่านเรื่องราวของนักมวยเด็ก ที่ต้องต่อยมวยเพื่อหาเลี้ยงชีพ เผชิญกับความโหดร้ายของวงการเวทีมวยเด็ก เพื่อหาทางดิ้นรนไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าเดิม ผ่านเรื่องราวของ ‘วิเชียร-นักมวยเด็ก’ (ภูริภัทร พูลสุข) ‘ครูต้อย-ครูมวย/เจ้าของค่ายมวย’ (นพชัย ชัยนาม) ผู้ฝึกสอนมวยให้วิเชียร และพ่อนักมวยเด็กอย่าง ‘กฤษ’ (ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ) ผู้ต้องการสนับสนุนลูกเข้าสู่วงการมวย
แน่นอนว่าหลายคนเห็นว่าเป็นซีรีส์ที่ว่าด้วยเรื่องของวงการมวยไทย ถ้าไม่เคยดูการแข่งขัน ไม่รู้กติกา ไม่เข้าใจบรรยากาศมาก่อนจะดูรู้เรื่องไหม อันนี้ก็ต้องบอกว่า ส่วนตัวผู้เขียนเองที่ห่างไกลจากวงการนี้ แถมยังโง่เรื่องการพนันแบบสุด ๆ ก็ต้องบอกว่าค่อนไปทางรู้เรื่องมากกว่าไม่รู้เรื่องนะครับ เพราะว่าตัวพาร์ตเนื้อเรื่องหลังจากแนะนำภูมิหลังและนิสัยของตัวละครแล้ว ตัวซีรีส์เองก็พุ่งตรงเข้าประเด็นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับ Pace ของเรื่องที่ถือว่าแรงมาก
คู่ขนานไปกับพาร์ตสัมภาษณ์ ที่คอยจูงมืออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่องแบบชนิดช็อตต่อช็อต ก็เลยทำให้ตัวเนื้อเรื่องเดินเร็วแบบไม่ต้องเดินมวยให้เสียเวลา ส่วนใน 2 อีพีหลังที่ว่าด้วยวงการมวยเด็ก ตัวเนื้อเรื่องค่อย ๆ ผ่อนความแรงลงมาจาก 2 อีพีแรกพอสมควร แต่ก็ยังถือว่าเป็นการเล่าที่ไม่เยิ่นเย้ออยู่ดี เพียงแต่เริ่มมี Pace ที่เบาลงกว่าเดิม ทิ้งจังหวะว่างมากขึ้น ใส่บทสัมภาษณ์น้อยลง จนเผลอคิดไปนิด ๆ ว่า หรือซีรีส์จะจบแบบดี ๆ แบบ “มวยไทย มรดกไทย มรดกโลก
ด้านการแสดง ส่วนนี้ถือว่าดีเยี่ยมเช่นกัน แคสต์นักแสดงมาดีเลย และทุกคนก็แสดงได้ดีจริงๆ ณัฏฐ์ รับบทเป็น พัฒ (เซียนมวย) ก็แสดงดีตามมาตรฐานของเขา แม้ว่าจะมีบางซีนที่ดูขัดๆ ตาไปบ้าง แต่โดยรวมคือโอเคเลย แต่คนที่ผมมองว่าแสดงดีและโดดเด่นก็คงจะเป็นคุณลุง ปู วิทยารับบทเป็น กรรมการผู้ชี้ขาด คนนี้ถ้าใครเคยดูหนังไทยจาก Netflix มาก่อนจะจำแกได้ดี แกถือเป็นนักแสดงไทยลูกรักของ Netflix เพราะแกแสดงทุกเรื่อง และเหตุผลก็เพราะแกแสดงดีมากๆ นั่นแหละ และเรื่องนี้ป๋าแกก็ยังรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีเช่นเคย และอีกคนที่ผมชอบมากๆ
คือน้อง ภูริภัทร พูลสุข ที่รับบทเป็น วิเชียร นักมวยรุ่นเยาว์ ซึ่งน้องแกเป็นนักมวยจริงๆ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นนักแสดงด้วยซ้ำ เพราะน้องแสดงดีและเอาอยู่จริงๆ และที่ขาดไม่ได้เลยคือป๋า ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ รับบทเป็น เซียนใหญ่ แสดงได้โคตรน่าหมันไส้จริงๆ ฉากตอนแกอารมณ์เดือดนี่อย่างได้เลย ลุคแกดูเป็นเซียนมวยจริงๆ คือดูแล้วเชื่อเลย ส่วนนักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็ถือว่าทำได้ดีใช้ได้เลย ส่วนนี้ไม่มีอะไรจะติมากมาย
บทเขียนมาค่อนข้างดีมากๆ เลย ชอบการนำเสนอด้วย ฉลาดมากที่นำเรื่องจริง ไปดัดแปลงใหม่และสร้างบทขึ้นมาใหม่ให้กลายเป็นซีรีส์เรื่องหนึ่ง และเขียนบทมาดีด้วย ทุกเหตุการณ์เชื่อมโยงกันหมด ส่วนนี้คือเจ๋งมากๆ และสิ่งที่ต้องชมเลยคือ การเลือกเอาคนในวงการมวยตัวจริง รวมถึงคนในเหตุการณ์เหล่านั้น มานั่งพูดคุย อธิบายถึงเรื่องต่างๆ ในระหว่างการเล่าเรื่อง ถือเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดจริงๆ ทำให้การดำเนินเรื่องมีความน่าสนใจ และไม่น่าเบื่อ รู้ตัวอีกทีก็ดูจบแล้ว
ด้านงานภาพและโปรดักชั่น สำหรับส่วนนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นของ Netflix ก็ไม่ต้องกลัวเลย เพราะแม้หนังและซีรีส์ส่วนใหญ่ของ Netflix จะบทไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่เรื่องงานภาพและงานโปรดักชั่นมักจะออกมาดีเสมอ แถมเรื่องนี้ยังออกมาดีเกินคาดด้วย ทั้งการจัดแสง มุมกล้องต่างๆ ทำออกมาได้ดีมาก ติดอย่างเดียวเลยคือ กล้องชอบสั่น ซึ่งเขาอาจจะตั้งใจก็ได้ (มั้ง) แต่ส่วนตัวผมก็รับได้นะ ฉากตอนเชียร์มวยข้างสนาม ที่จัดแสงใส่ตัวละครหลัก ผมว่ามันเจ๋งดี และทำกันแบบโต้งๆ ไปเลยว่ามันคือการจัด แต่ผมกลับชอบซะงั้น การโปรดักชั่นจัดเต็มมากๆ ฉากโดนยิงคือทำดีจริง เกินคาด
อีกอย่างที่อยากชมมากคืออินโทรเปิดเรื่อง ที่ทำเป็นสีแดงและเป็นอนิเมชั่น พร้อมกับเลือกเพลง Hailstorms ของ Hugo มาใช้อีก แจ่มมาก ดูไปดูมาอินโทรก็มีความคล้ายกับ MV เพลงนี้อยู่นะ มันเลยเข้ากันจริงๆ อีกอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นในหนังและซีรีส์ไทยเท่าไหร่เลยคือ ซีรีส์เรื่องนี้ใช้เพลงประกอบเป็นเพลงสากลแทบทั้งหมด และเป็นสิ่งที่ผมอยากเห็นมานาน แสดงให้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเพลงไทย มันก็ใช้ได้ ชื่นชมจริงๆ