Last modified มกราคม 22nd, 2022 at 09:55 am
รีวิวหนังสนุกๆ Robin Hood เป็นภาพยนตร์ที่เพิ่งเข้าฉายในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2018 ที่ผ่านมา เป็นผลงานกำกับของ Otto Bathrust โดยมีดาราแสดงนำอย่าง Taron Egerton หรือพระเอกในเรื่อง Kingsman ร่วมกับ Jamie Foxx ตัวหนังมีความยาว 116 นาที เนื้อเรื่องเริ่มต้นจากตัวเอกโรบิ้น ที่อยู่ในครอบครัวมีฐานะบังเอิญไปเจอกับนางเอกแมเรียน ที่กำลังพยายามจำขโมยม้าของเขาอยู่ ดูหนัง
ทันใดนั้นทั้งคู่ก็ได้ตกหลุมรักกัน แต่ทางโรบิ้น เองถูกจับส่งไปเป็นทหารที่อาระเบีย เพื่อต่อสู้ในสงครามกับนายอำเภอแห่งนอตติงแฮม เมื่อเขาได้เดินทางกลับมาก็ต้องพบว่าบ้านเมืองกำลังถูกกดขี่อย่างหนักจากทางการ ระหว่างนี้ วิล จอนห์ และแมเรียนได้พยายามจะสอนให้โรบิ้น เป็นจอมโจรยอดฝีมือที่จะเข้าท้าทายอำนาจของเมือง ด้วยการสวมฮูดออกไปทำหน้าที่ตัวแทนความหวังของคนทั้งเมือง ในขณะที่โดนนายอำเภอตามล่า
หนังฉบับนี้เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ Robin Hood ที่ทำออกมาได้แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะตัวเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ที่เหมือนถูกรีบเขียนให้มันเสร็จๆ ผสมกับฉากต่อสู้ที่ไวจนดูไม่รู้เรื่อง ต้องยอมรับก่อนว่าแต่เดิมแล้วบท Robin Hood ฉบับดั้งเดิมทำออกมาได้ดีมาก
มีการนำมาทำเป็นละครทีวี และภาพยนตร์หลายครั้ง แต่ดูเหมือนครั้งนี้มันจะแย่ที่สุดจากฝีมือผู้กำกับ Otto Bathrust เจ้าของผลงงาน Black Mirror ที่ฉายบน Net Flicx เมื่อดูจากตัวหนังแล้วเขาไม่ได้พยายามที่จะเจาะลึกเรื่องราวในตัวของ Robin Hood เลย สิ่งที่เราได้เห็นคือฉากยิงธนูเกือบทั้งเรื่อง แล้วก็ระเบิดนั่น ระเบิดนี่ รีวิวหนัง
เมื่อเราย้อนกลับไปดูในภาคก่อนๆ ที่เคยถูกสร้างมาตั้งแต่ปี 1992 โดย Douglas Fairbank และ 1938 ที่กำกับโดย Errol Flynn หนังเหล่านี้ทำออกมาได้สนุกมาก แสดงให้เห็นถึงความมีเสน่ห์ของตัวละครไม่ใช่หนังขายฉากแอ็คชั่นอย่างเดียว นี่ยังไม่รวมฉบับอนิเมชั่นของทาง Disney ในปี 1973 ที่เรียกได้ว่าเป็นขวัญใจเด็กๆ ในสมัยนั้นเลย เมื่อเทียบกับในภาคปี 2018 ถือว่าแย่แบบสุดๆ ภาคนี้ใช้ทุนสร้างไปมากกว่า 100 ล้านเหรียญ แต่รายได้ของพวกเขายังอยู่ที่ 84 ล้านเหรียญเท่านั้น
แถมยังได้ถูกเสนอเข้าชิงรางวัล Razzeis (รางวัลที่มอบให้กับภาพยนตร์ยอดแย่) 3 รางวัล ได้แก่ 1.Worst Remake 2.Worst Supporting Actor ของนักแสดงชาย Jamie Foxx 3. Worst Picture ในอนาคตเราได้แต่หวังว่าจะมีใครซักคนที่จะกล้าลงมาช่วยแก้ความผิดพลาดนี้ เพื่อนำ Robin Hood กลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น